บทที่ 1 1

ณ โรงพยาบาลแห่งหนึ่ง

หญิงสาวใบหน้าเศร้าจ้องมองร่างของหญิงชราที่นอนแน่นิ่งอยู่ในห้องพักฟื้นหลังจากที่เพิ่งผ่าตัดเสร็จออกมา มะลิวัลย์กุมมือของผู้เป็นยายด้วยความรู้สึกเจ็บปวดแทน ถ้าหากว่าเธอแบ่งความเจ็บปวดมาได้ หญิงสาวจะไม่ปฏิเสธเลยสักนิด เพราะชีวิตของเธอมีเพียงยายที่เป็นญาติคนเดียวที่เหลืออยู่บนโลกใบนี้

มะลิวัลย์นับแต่จำความได้เธอก็อาศัยอยู่กับยายมาตลอด พ่อแม่ของเธอเสียชีวิตเพราะอุบัติเหตุเมื่อสิบห้าปีก่อน ในตอนนั้นเธอยังไม่ทันสามขวบดีด้วยซ้ำ ตลอดสิบห้าปีที่ผ่านมาเธอไม่เคยรู้สึกว่าชีวิตนี้ขาดความรักหรือความอบอุ่น เนื่องจากผู้เป็นยายของเธอมอบทั้งความรัก ความอบอุ่นให้แก่เธอเสมอมา เพราะเหตุนี้มะลิวัลย์ถึงรักหญิงชราคนนี้มาก มากจนสามารถทำทุกอย่าง เพื่อจะให้ยายของเธอได้รับรักษาจากโรงพยาบาลดี ๆ

“เป็นไงบ้างจ๊ะหนูมะลิ ยายรู้สึกตัวตื่นขึ้นมาบ้างรึยัง?” เสียงอ่อนโยนเอ่ยถามออกมา ทำให้หญิงสาวหันหน้าไปมอง ก่อนจะยกมือไหว้หญิงวัยกลางคนที่ดูมีฐานะ

“ยังเลยค่ะคุณหญิง” เธอเอ่ยบอกออกไปด้วยแววตาแสนเป็นห่วงผู้เป็นยาย ที่ผ่านมาหลายชั่วโมงแล้วก็ยังไม่รู้สึกตัวเลย

“ไม่ต้องห่วงนะ ยังไงยายแววก็ต้องหายดี ฉันไปคุยกับคุณหมอเจ้าของไข้ของยายหนูมะลิมาแล้ว คุณหมอบอกว่าอาการตอนนี้ของยายหนูพ้นวิกฤตแล้ว เหลือแต่พักฟื้นสักระยะก็หายดี” มะลิวัลย์ยกมือไหว้ขอบคุณผู้มีพระคุณอีกครั้ง เพราะคุณหญิงผกาแก้วถึงทำให้เธอมีทางรักษายายแบบนี้ หญิงวัยกลางคนมองเด็กสาวมารยาทอ่อนหวานด้วยรอยยิ้ม เธอรู้จักสองยายหลานนี้มานาน เพราะครอบครัวเด็กสาวอาศัยอยู่ในบ้านหลังเล็กข้าง ๆ บ้านคุณพ่อของเธอ ยามที่กลับไปเยี่ยมคุณพ่อก็มักจะเห็นสองยายหลานเสมอ

ด้วยคำบอกเล่าของคนเป็นพ่อว่าเด็กสาวคนนี้นิสัยดี แถมรู้คุณคน ไม่เคยนอกลู่นอกทาง ตั้งใจเรียน เวลาว่างก็มารับจ้างทำงานในสวนของชายชราบ่อยครั้ง เพราะแบบนี้คุณหญิงผกาแก้วจึงนึกเอ็นดูในตัวของมะลิวัลย์ พอรู้ว่ายายของเด็กสาวป่วยหนักต้องรีบเข้ารักษา เธอก็ไม่รีรอรีบยื่นมือเข้ามาช่วยทันที

“ขอบคุณนะคะคุณหญิงที่ช่วยหนูกับยาย สิ่งที่คุณหญิงทำให้หนู หนูไม่เคยลืมเลย หนูจะตอบแทนบุญคุณคุณหญิงที่ช่วยเหลือหนูนะคะ ไม่ว่าจะเป็นงานในบ้าน หรืออะไรที่คุณหญิงต้องการหนูทำได้หมด” หญิงสาววัยแรกแย้มเอ่ยออกไปด้วยสีหน้าจริงจัง สำหรับเธอแล้ว หญิงวัยกลางคนคนนี้เป็นเสมือนเจ้าชีวิตเธอก็ว่าได้

คุณหญิงผกาแก้วอมยิ้มออกมาให้กับความรู้คุณคนของเด็กสาว ก่อนที่เธอจะมีความคิดบางอย่างขึ้นมาในหัว คุณหญิงผกาแก้วพ่นลมหายใจออกมาอย่างหนักใจกับความคิดของเธอในตอนนี้ มันอาจจะดูเห็นแก่ตัวไปไหม ที่เธอจะขอร้องให้เด็กสาวคนนี้แต่งงานกับลูกชายเธอ แต่ทว่าอีกใจก็ไม่กล้าพูดออกไป เพราะเด็กสาวตรงหน้านี้ยังเด็กนัก อายุห่างจากบุตรชายของเธออยู่หลายปี

“มะลิ” ไม่ทันที่หญิงวัยกลางคนจะเอ่ยอะไรออกมา เสียงของยายแววก็ดังขึ้นมาเสียก่อน พอเด็กสาวเห็นว่ายายของตนรู้สึกตัวก็ดีใจจนน้ำตาไหลออกมา ร่างเล็กรีบขยับเข้าไปหาร่างของหญิงชราทันที

“ยาย มะลิอยู่นี่จ้ะยาย ยายเจ็บ ยายปวด ตรงไหนบอกมะลินะจ๊ะ” หญิงชราส่ายหน้าไปมา ก่อนจะพยายามเอื้อมมือมาลูบศีรษะของหลานสาวอย่างอ่อนโยน

“ยายไม่เป็นอะไรแล้ว แค่เห็นหลาน ยายก็หายเจ็บ หายปวดเลย” มะลิวัลย์สะอื้นไห้ออกมา ก่อนจะกอดร่างของผู้เป็นยายเบา ๆ

ณ เชียงใหม่

ร่างสูงโปร่งของคณากรที่ย่างกายเข้ามาในร้านอาหารของครอบครัว ในตอนนี้ชายหนุ่มมาดูแลสาขาที่เชียงใหม่ อันที่จริงที่นี่ไม่มีอะไรให้น่าเป็นห่วงแล้ว แต่ที่ชายหนุ่มยังอยู่ที่นี่เพราะยังไม่อยากกลับไปที่บ้าน กลับไปทีไรเขาก็ต้องมานั่งฟังคำพูดของคนเป็นมารดาทุกครั้ง ว่าเมื่อไหร่จะแต่งงาน ด้วยอายุที่มากขึ้นทุกวัน ไม่แปลกที่คุณหญิงผกาแก้วจะเป็นห่วงบุตรชายในเรื่องนี้ แต่ผู้ชายอย่างคณากรไม่เคยคิดอยากจะมีบ่วงคล้องคอ ชีวิตในตอนนี้เขารู้สึกว่าก็ดี ไม่ต้องผูกมัด อยากทำอะไรก็ทำ เพราะสำหรับเขาคำว่ารักมันไร้สาระที่สุด

สายตาคมเข้มจ้องมองกรอบรูปที่คว่ำหน้าเอาไว้ก่อนที่มือหนาของชายหนุ่มจะจับสิ่งนั้นขึ้นมาดูอีกครั้ง แววตาของคณากรจ้องมองรูปภาพนั้นด้วยความรู้สึกต่าง ๆ นานา ผู้หญิงยิ้มหวานที่อยู่ในรูปคือแฟนเก่าของเขาเอง วิเวียน ผู้หญิงที่ครั้งหนึ่งเขานั้นเคยยกหัวใจทั้งดวงให้กับเธอคนนี้ แต่ทว่าความรักของเขาก็เหมือนสิ่งไร้ค่า เมื่อจู่ ๆ หญิงสาวก็ขาดการติดต่อ เขาไปหาเธอที่บ้านก็พบกับความว่างเปล่า เธอและครอบครัวย้ายไปอยู่ที่ไหนเขาก็ไม่อาจรู้ได้ ในหัวของชายหนุ่มมีคำถามมากมาย ว่านี้มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่ ทำไมหญิงสาวจู่ ๆ ก็หายไป ไม่แม้แต่จะโทรมาหาเขา นอกจากข้อความสั้น ๆ ที่ส่งมาว่าขอเลิกกับเขาและบอกว่ากำลังจะแต่งงานกับผู้ชายอีกคน สิ่งที่เกิดขึ้นมันสร้างความเจ็บปวดให้แก่ชายหนุ่มไม่น้อย

บทถัดไป